ไม้จำนวนมากในท้องตลาดที่จำหน่ายและทาด้วยน้ำยาอื่นมาก่อน pre-treatment หรือเลือกใช้ไม้เก่าที่รื้อมาจากบ้านเก่าและเคยทาสีประเภทอื่นมาก่อนแล้ว  หนึ่งในปัจจัยสำคัญก่อนทาไม้ด้วยน้ำมันรักษาเนื้อไม้ CUTEK® ต้องมั่นใจได้ว่าเตรียมพื้นผิวไม้ถูกต้องแล้ว ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบคือการลอกผลิตภัณฑ์อื่น (ที่ไม่ใช่ CUTEK® ออกไม่เกลี้ยง 100%) ให้ดูขั้นตอนที่ 1: การเตรียมพื้นผิว) ก่อนทาด้วยน้ำมันรักษาเนื้อไม้ CUTEK® หากไม่มั่นใจสามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ เจ้าหน้าที่ของเราสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ โทร 0868818776

หมายเหตุ:  ในกรณีทา(ไม้เปลือย) ตั้งแต่เริ่มแรกด้วยน้ำมันรักษาเนื้อไม้ CUTEK® เที่ยวถัดไปสามารถทาด้วยน้ำมันรักษาเนื้อไม้ CUTEK® ได้เลย ง่าย ประหยัดเงินและเวลาเพราะไม่ต้องลูบกระดาษทรายก่อนทา และสำหรับงานทำนุบำรุงในระยะยาว ระบบของ CUTEK® จะมีแต่งานล้างแล้วทาซ้ำ

CUTEK® Extreme CD50 มีส่วนผสมของทองแดง copper เล็กน้อย ทำให้เห็นสีเขียวอ่อนๆกับไม้ที่สีธรรมชาติเดิมซีดหรือสีขาว ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับงานภายในหรือพื้นที่ที่ไม่กระทบแสงแดด ไม้ที่จะเกิดสีเขียวอ่อนยกตัวอย่างเช่น Hoop Pine, Hemlock, Tasmania Oak, Victoria Ash ไม้สนฮิโนกิ ไม้สนขาว ฯลฯ  อย่างไรก็ตามเรามีสินค้าที่ไม่มีส่วนผสมของทองแดงง copper free ภายใต้ชื่อ CUTEK® Enhance CD50 เป็นผลิตภัณฑ์ตัวเลือกแทน CUTEK® Extreme CD50 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อเรา เรายินดีให้บริการ

เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกใช้ CUTEK® Extreme CD50 หรือ CUTEK® Enhance CD50 ให้เหมาะกับไม้ สามารถส่งตัวอย่างชิ้นไม้มาที่เราได้ที่ ติดต่อเรา

คราบบนไม้ที่เกิดโดยธรรมชาติ

ไม้เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีสารประกอบหลากหลายประเภทที่เรียกว่า “extractives” ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญกับโครงสร้างของไม้ แต่ให้เฉดสีธรรมชาติกับไม้ กลิ่น ความทนทาน การดูดซับความชื้น และมีโอกาสประกอบด้วยโพลิฟีนอล polyphenols เทอร์พีน terpenes ออยล์ ไขมัน ยาง เรซิ่น และแว็กซ์

Extractive สามารถชะมาที่ผิวไม้ทำให้เกิดคราบ

รอยที่เกิดช่วงที่ไม้เติบโตขึ้นจากความเสียหาย

หากเปลือกไม้เแตก ต้นไม้จะสร้างสารประกอบขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเอง รอยแตกมีโอกาสทำให้ไม้ถูกรุกรานด้วยสิ่งมีชีวิตหลายประเภท และเมื่อสารประกอบกับสิ่งมีชีวิตกระทบกับออกซิเจนและสภาพอากาศ ทำให้มีโอกาสเกิดรอยหรือคราบในช่วงเวลานั้น

คราบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเคมีในสารประกอบในไม้

เมื่อต้นไม้โตจะสร้างลายและรอยที่มีเฉดสีต่างกัน ความหลากหลายเพิ่มคุณลักษณะให้กับไม้ ยกระดับความสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตามระหว่างที่ต้นไม้โตในสภาพแวดล้อมกระทบออกซิเจน และแสงสว่าง ทำให้สีธรรมชาติของไม้เปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนใหญ่ไม้ที่สีทองจะออกอมเหลือง และไม้สีแดงจะออกสีน้ำตาลมากขึ้น

คราบที่เกิดจากการชะล้างด้วยน้ำ

ในสภาพแวดล้อมไม้ที่แปรรูปแล้วเมื่อกระทบกับความชื้น สารประกอบ extractives บางชนิดจะไหลมาสู่ผิวไม้แล้วละลายทิ้งรอยคราบน้ำไว้ที่ผิวไม้  extractives เหล่านี้เมื่อไหลลงสู่พื้นผิววัสดุอื่นๆ ก็จะทิ้งคราบบนพื้นผิวอื่นเช่น คอนกรีต กระเบื้อง และยางมะตอย

โดยเฉพาะคราบแทนนิน polyphenols จะทำปฏิกิริยากับแอลคาไลน์ alkaline บนพื้นผิวเช่นคอนกรีตเกิดคราบสีแดง/น้ำตาลอ่อน

ในประเทศออสเตรเลีย ไม้ยูคาลิปเช่น Stringbark และ Blackbutt รวมถึงไม้เนื้อแข็งเช่นไม้หลุมพอมีแนวโน้มที่จะเกิดคราบประเภทนี้ หากต้องการล้างคราบน้ำออก ให้ใช้ CUTEK® Restore ล้างคราบน้ำออกได้ทันที

คราบที่เกิดจากปฏิกิริยาของเหล็ก

ไม้หลายชนิดมีสารแทนนินในปริมาณสูง หากไม้สัมผัสน้ำ สารแทนนินจะทำปฏิกิริยากับเหล็กและทำให้เกิดคราบเหล็กสีดำและไม่สามารถละลายน้ำได้

สิ่งนี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนสีเป็นสีเข้มที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว คราบเหล่านี้มักเกิดจากการสัมผัสกับใบมีดหรือเครื่องมือเหล็กขณะดำเนินการหรือขณะติดตั้ง คราบเหล่านี้มักจะอยู่ที่ผิวไม้และสามารถทำความสะอาดและขจัดได้ง่าย

ในประเทศออสเตรเลีย เราพบว่าไม้ Blackbutt มีความอ่อนไหวต่อปัญหานี้เป็นพิเศษ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคราบเหล็กสามารถดูได้ในแท็บที่มีชื่อว่า คราบเหล็ก

ทำความสะอาดไม้ก่อนเคลือบสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงเรื่องคราบ

หากใช้ไม้ที่มีสารประกอบ extractives สูงในสภาพแวดล้อมเปียก เราแนะนำให้ทำความสะอาดไม้ด้วย CUTEK® Restore ก่อนที่จะเคลือบไม้ด้วย CUTEK® Extreme CD50

แม้ว่าจะไม่สามารถมั่นใจ 100% เนื่องจากไม้มีลักษณะที่หลากหลาย แต่จากประสบการณ์ของเรา การทำความสะอาดไม้ก่อนจะช่วยลดปัญหาเรื่องคราบที่อาจเกิดขึ้นได้

การขจัดคราบสกปรกฝังลึก

สามารถขจัดคราบเหล็ก tannate และคราบสกปรกฝังลึกบนผิวไม้ได้ด้วย CUTEK® Restore ปฏิบัติตามขั้นตอนในแผ่นข้อมูล factsheet เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เราไม่แนะนำให้ใช้น้ำมันรักษาเนื้อไม้ CUTEK® กับไม้ไผ่เอ็นจิเนียร์ engineer

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า CUTEK® เป็นระบบน้ำมันดูแลรักษาและซึมลึกเข้าเนื้อไม้ ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับความสวยงามของเฉดสีธรรมชาติและลายของไม้ CUTEK® ขายในรูปแบบออยล์ใส clear oil ที่สามารถใช้ปกป้องไม้จากความชื้นที่ทำให้ไม้เกิดการเคลื่อนไหว เช่น การโก่งงอ การบิดงอ และการแตกหัก การใช้ออยล์ใสจะช่วยปกป้องไม้ให้มีความคงทนและคงความสมบูรณ์ทางโครงสร้าง ในขณะเดียวกันยังช่วยให้ไม้ค่อยๆ ซีดลงเป็นสีเงินเทาตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป การซีดลงและกลายเป็นสีเงินซีดเทาของไม้เป็นตัวเลือกที่ต้องการการดูแลน้อย และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในการใช้ไม้ในสภาพแวดล้อมที่สัมผัสกับสภาพอากาศ

โครงการที่ใช้ไม้และเคลือบด้วยน้ำมันดูแลรักษาไม้ CUTEK® ออยล์ใสที่โดนแดดและฝน ผ่านไประยะเวลาหนึ่งจนกลายเป็นสีเงินซีดเทาสามารถทำให้กลับสู่สีเดิมของไม้ได้ง่ายๆ โดยการใช้ CUTEK® Restore แล้วล้างด้วยน้ำแรงดันสูง จากนั้นทาน้ำมันรักษาเนื้อไม้ CUTEK® ออยล์ใสเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการรักษาสีเดิมของไม้ให้นานขึ้น กลายเป็นสีเงิน/ซีดเทาช้าลง ให้ผสมด้วย CUTEK® Colourtone เฉดสีที่เหมาะสมกับไม้ที่คุณเลือก จะช่วยยกระดับเฉดสี ลายไม้ธรรมชาติ และช่วยรักษาเฉดสี “ธรรมชาติ” ของไม้ให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น

สิ่งที่คาดหวังได้จากการใช้ CUTEK® Colourtones

ผลิตภัณฑ์ดูแลไม้ส่วนใหญ่ในท้องตลาดจะเป็นชั้นฟิล์มอยู่บนพื้นผิวของไม้ ในระยะสั้นจะให้สีที่เข้มขึ้น แต่ในระยะยาวอาจมีแนวโน้มที่จะลอกหรือแตก ซึ่งต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม มือใหม่ไม่สามารถซ่อมได้เอง

ระบบของ CUTEK® มีความพิเศษตรงที่ผลิตภัณฑ์จะซีดจางลงตามเวลาไม่ลอกล่อนไม่แตก เฉดสีของ CUTEK® Colourtone ที่ใช้กับไม้ใหม่ที่เตรียมพื้นผิวเรียบร้อยแล้วจะให้สีที่ละเอียดอ่อนซึ่งช่วยเสริมลักษณะของไม้ ไม้ที่สัมผัสกับสภาพอากาศเต็มที่โดนแดดและฝนจัดจะซีดจางเร็ว และเมื่อไม้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในช่วงหกเดือนแรก การทาในรอบถัดไปหลังจากช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มการสะสม Colourtone อย่างมากเมื่อไม้เริ่มหยาบขึ้นและเปิดรับมากขึ้นจากการใช้งานและสภาพแวดล้อมภายนอก

การลอกสีเก่า (ที่ไม่ใช่ CUTEK®)  เป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆในขั้นตอนการเตรียมพื้นผิวไม้

หากไม้มีสีเก่าติดอยู่ที่ผิว (ที่ไม่ใช่ CUTEK®) ต้องลอกออกด้วยกระดาษทรายหยาบโดยทั่วไปจะใช้กระดาษทรายเบอร์ 40 แล้วไล่เบอร์ 60 จบด้วยกระดาษทรายเบอร์ 100

หากลอกสีเก่า (ที่ไม่ใช่ CUTEK®) ออกไม่หมดเกลี้ยง 100% น้ำมันรักษาเนื้อไม้ CUTEK® จะไม่สามารถซึมเข้าเนื้อไม้ผ่านผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นได้ ทำให้ CUTEK® ออยล์ไม่แห้งและลอยอยู่บนผิวไม้ เมื่อฝนตกฝนจะชะล้าง CUTEK® ออกไปกับฝนทันที

คราบสนิมเหล็ก (Iron stain) เป็นการเปลี่ยนสีที่ไม่พึงประสงค์ในลักษณะสีน้ำเงิน–ดำหรือเทา ซึ่งบางครั้งมีโอกาสเข้าใจผิดว่าเป็น “ราขึ้น” เพราะมีลักษณะเป็นจุดๆ คล้ายกับเชื้อรา คราบสนิมเหล็กสามารถเกิดขึ้นได้กับไม้ทุกประเภท แต่บางชนิดของไม้ที่มีสารประกอบแทนนินในปริมาณสูงจะมีแนวโน้มที่จะเกิดคราบสนิมเหล็กได้มากกว่าปกติ การเปลี่ยนสีนี้มักเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างสารประกอบในไม้กับเหล็กจากผลิตภัณฑ์เหล็ก เช่น ตะปู สกรู หรืออุปกรณ์ยึดอื่นๆ การใช้งานเหล็กที่สัมผัสกับไม้จะต้องได้รับการป้องกันจากการกัดกร่อน โดยการใช้สแตนเลสหรือกระบวนการเคลือบเหล็ก เช่น การจุ่มเหล็ก (hot dip galvanizing) ปัญหาของการปนเปื้อนเหล็กอาจเกิดจากการมีเหล็กตกค้างบนผิวไม้จากการตัด เจียร หรือตัดไม้; การทำความสะอาดพื้นผิวด้วยขนเหล็ก แปรงลวด หรือเครื่องมือที่ทำจากเหล็ก; การใช้สารเคลือบที่เก็บในภาชนะที่เป็นสนิม; และการใช้สารเคลือบที่มีส่วนประกอบเหล็กหรือปนเปื้อนเหล็กอยู่แล้ว ฝุ่นเหล็กจากการทำงานกับโลหะ หรือแม้แต่ปุ๋ยจากพืช ก็สามารถเป็นแหล่งของเหล็กได้ รวมถึงการถอดรางน้ำเก่าที่เป็นสนิม การสร้างราวบันได และการสัมผัสกับรองเท้าบู๊ตที่มีหัวเหล็ก การใช้ค้อนกระแทกไม้ก็สามารถทำให้เกิดคราบสนิมเหล็กได้บนไม้บางชนิดได้เช่นกัน ปัสสาวะจะเร่งปฏิกิริยาระหว่างเหล็กและสารประกอบในไม้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนสีเป็นคราบสนิมเหล็กตามลักษณะปกติ ไม้ที่ไม่ได้รับการป้องกันและโดนน้ำก่อนการติดตั้ง ทั้งในภายในและภายนอก จะมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากสารประกอบในไม้ที่ละลายน้ำได้จะถูกเคลื่อนย้ายไปทำปฏิกิริยากับการปนเปื้อนเหล็กได้ง่ายขึ้น

การทดสอบคราบสนิมเหล็ก

สามารถทดสอบได้ง่ายๆ เพื่อหาว่าการเปลี่ยนสีของไม้เกิดจากเหล็กหรือไม่ โดยการทา CUTEK® Restore ลงบนผิวไม้ที่มีคราบ หากสารละลายสามารถลบรอยคราบได้ภายในประมาณหนึ่งชั่วโมง แสดงว่าเหล็กมีอยู่บนไม้ หากสารละลายไม่สามารถลบรอยคราบได้ ลองใช้สารฟอกขาวทาที่บริเวณที่มีคราบ หากคราบสนิมเหล็กมีลักษณะเป็นจุดๆ ลองดูไม้ที่มีคราบภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า การเปลี่ยนสีในลักษณะ “ก้อน” มักจะเกิดจากโลหะหลอมและดูเหมือนเศษจากการเจียร การเปลี่ยนสีที่ดูเหมือนเส้นหรือแผ่นบางๆ อาจมาจากขนเหล็ก การเปลี่ยนสีที่มีความสม่ำเสมอทั่วทั้งคราบแสดงว่าเหล็กอยู่ในสารละลายเมื่อมันปนเปื้อนในไม้ ซึ่งอาจเกิดจากการเคลือบที่ปนเปื้อนหรือจากน้ำที่มีการปนเปื้อนเหล็ก

การกำจัดคราบสนิม

เหล็กสามารถปนเปื้อนในไม้ได้ง่าย เพราะมีแหล่งที่มาของการปนเปื้อนเหล็กมากมายในพื้นที่ก่อสร้างที่มักจะไม่ถูกสังเกตเห็นในตอนแรก การกำจัดการเปลี่ยนสีจากเหล็ก ให้ขัดไม้ที่มีคราบด้วย CUTEK® Restore และทิ้งไว้ให้ซึมซับเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้ล้างพื้นผิวให้สะอาดด้วยน้ำจืด (ควรใช้อุปกรณ์ฉีดน้ำแรงดันสูงจะดีกว่า) เพื่อล้างสาร CUTEK® Restore ที่เหลือออกให้หมด การล้าง CUTEK® Restore ออกให้สะอาดเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าไม่กำจัดแหล่งเหล็กออกให้หมดหรือไม่ป้องกันการกัดกร่อน คราบจะเกิดขึ้นอีก กล่าวคือ การใช้ CUTEK® Restore เป็นเพียงวิธีแก้ไขชั่วคราวเท่านั้น หากเหล็กยังคงเหลืออยู่บนหรือในไม้ CUTEK® Restore จะทำปฏิกิริยากับเหล็กแทนเนท (iron tannates) เพื่อสร้างสารประกอบที่ไม่มีสี เมื่อเวลาผ่านไป สารประกอบ CUTEK® Restore/เหล็กที่ล้างออกไม่หมดจะค่อยๆ สลายตัว ทำให้เหล็กสามารถทำปฏิกิริยากับสารประกอบในไม้และเกิดคราบสีเข้มขึ้นอีกครั้ง

การหดตัวและการบวมอาจเกิดขึ้นในไม้เมื่อความชื้นของไม้เปลี่ยนแปลง การหดตัวเกิดขึ้นเมื่อเนื้อความชื้นลดลง ในขณะที่การบวมเกิดขึ้นเมื่อเนื้อความชื้นเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงของปริมาตรไม่เท่ากันในทุกทิศทาง การเปลี่ยนแปลงขนาดที่มากที่สุดจะเกิดในทิศทางที่ขนานกับวงปี การหดตัวจากแกนกลางไปข้างนอก หรือในทิศทางรัศมี มักจะน้อยกว่าการหดตัวในทิศทางขนานกับวงปี ในขณะที่การหดตัวตามยาว (ตามแนวเส้นใย) มักจะน้อยจนไม่ค่อยสังเกตเห็น การหดตัวตามยาวจะอยู่ที่ประมาณ 0.1 ถึง 0.3% ในขณะที่การหดตัวขวางจะอยู่ที่ 2-10% การหดตัวในทิศทางขนานกับวงปีมักจะมีค่าประมาณสองเท่าของการหดตัวในทิศทางรัศมี แม้ว่าในบางชนิดไม้อาจจะมากถึงห้าเท่าก็ได้ การหดตัวจะขึ้นอยู่กับชนิดของไม้และมักจะอยู่ที่ประมาณ 5 ถึง 10% ในทิศทางขนานกับวงปี และ 2 ถึง 6% ในทิศทางรัศมี ไม้ที่แห้งแล้วและเคลือบด้วย CUTEK® Extreme CD50 จะมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงขนาดน้อยลง เนื่องจากลักษณะของ CUTEK® Extreme CD50 ที่สามารถซึมลึกและมีคุณสมบัติกันน้ำ (hydrophobic) จะช่วยลดการดูดซึมและการระเหยของความชื้นทั้งในรูปของเหลวและก๊าซ ซึ่งจะช่วยรักษาความสมบูรณ์ของขนาดไม้ที่มีความชื้นคงที่

ปัจจัยที่มีผลต่อรูปลักษณ์และความสมบูรณ์ของขนาดไม้ที่แห้ง

ปัจจัยที่มีผลต่อการแห้ง รูปลักษณ์ และความสมบูรณ์ของขนาดไม้ที่แห้งอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่:

1. ชนิดของไม้ เนื่องจากความแตกต่างในคุณสมบัติทางกายภาพ กลไก และการลำเลียงความชื้นระหว่างชนิดไม้ต่างๆ
2. ความหนาของไม้ เพราะเวลาในการแห้งจะสัมพันธ์โดยประมาณกับความหนาของไม้ และบางส่วนก็ได้รับอิทธิพลจากความกว้างของไม้ด้วย
3. วิธีการตัดไม้ ว่าเป็นการตัดไม้แบบ Quarter-sawn, Back-sawn หรือ Mixed-sawn เนื่องจากลักษณะการตัดมีผลต่อการบิดเบือนที่เกิดจากการหดตัวในทิศทางขนานและรัศมี ซึ่งอาจทำให้เกิดการบิดงอ การโค้ง การบิดตัว การยืดออก หรือการเกิดรูปร่างแบบเพชร (ดูภาพ)
4. ข้อบกพร่องที่เกิดจากการแห้งไม่สม่ำเสมอ เช่น การแตกของเนื้อไม้ การแตกร้าว (ทั้งผิวหน้า, ปลาย และภายใน) การแยกปลายไม้ การเกิดรูพรุนภายใน (honey-combing) การแข็งกรอบที่ผิว (case hardening) และการยุบตัวของไม้

ไม้สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทตามแหล่งที่มาทางพฤกษศาสตร์: ไม้นุ่มจากต้นไม้ประเภทสน และไม้อ่อนจากต้นไม้ใบกว้าง โดยโครงสร้างของไม้ชนิดนุ่มจะมีความเรียบง่ายและเบากว่า ขณะที่ไม้อ่อนจะมีโครงสร้างที่ซับซ้อนและแข็งแรงกว่า ไม้นุ่ม (เช่น ไม้สน) จะมีน้ำหนักเบามากและง่ายต่อการประมวลผลเมื่อเทียบกับไม้อ่อนที่หนัก (เช่น ต้นไม้ที่ให้ผล) ความหนาแน่นของไม้นุ่มโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 350-700 กก./m³ ในขณะที่ไม้อ่อนจะอยู่ที่ 450-1250 กก./m³ ทั้งสองประเภทมีความชื้นประมาณ 12% เนื่องจากโครงสร้างที่หนาแน่นและซับซ้อนของไม้แข็ง การซึมผ่านของน้ำจึงต่ำมากเมื่อเทียบกับไม้ชนิดนุ่ม ทำให้การแห้งไม้แข็งยากกว่า ไม้จากต้นไม้ที่มีชีวิตและไม้ที่เพิ่งตัดทิ้งจะมีน้ำอยู่มาก ซึ่งมักจะมีน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักไม้จริงๆ น้ำมีอิทธิพลอย่างมากต่อไม้ ไม้จะมีการแลกเปลี่ยนความชื้นในรูปของเหลวและก๊าซ (น้ำ) กับสภาพแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าระดับของการแลกเปลี่ยนจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากการที่ไม้มีการซีลหรือปิดผนึกมากน้อยเพียงใด ไม้แห้งที่เคลือบด้วย CUTEK® Extreme CD50 ที่มีการซึมลึกและมีคุณสมบัติกันน้ำ (hydrophobic) จะแสดงอัตราการแลกเปลี่ยนความชื้นที่ช้าลงอย่างมาก

ทำไมเราจึงต้องทำให้ไม้แห้ง

การทำให้ไม้แห้ง หากทำทันทีหลังจากการตัดต้นไม้ จะช่วยปกป้องไม้จากการเน่าเสียขั้นต้น การเกิดคราบเชื้อรา และการโจมตีของแมลงบางชนิด สิ่งมีชีวิตที่ทำให้เกิดการเน่าเสียและคราบโดยทั่วไปไม่สามารถเจริญเติบโตในไม้ที่มีความชื้นต่ำกว่า 20% แมลงศัตรูหลายชนิด (แต่ไม่ทั้งหมด) สามารถอาศัยอยู่ในไม้สดเท่านั้น ไม้แห้งจะทนทานต่อการเน่าเสียมากกว่าไม้สด (ที่มีความชื้นมากกว่า 20%) นอกจากข้อดีที่สำคัญในการทำให้ไม้แห้งดังกล่าวแล้ว ยังมีข้อดีอื่นๆ ที่สำคัญดังนี้:

1. ไม้แห้งมีน้ำหนักเบากว่า จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและการจัดการ
2. ไม้แห้งมีความแข็งแรงกว่าไม้สดในคุณสมบัติทางด้านความแข็งแรงส่วนใหญ่
3. ไม้ที่ต้องการการชุบสารเคมี (เช่น การป้องกันเชื้อรา) ต้องได้รับการทำให้แห้งอย่างถูกต้องเพื่อให้สามารถซึมผ่านสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีของสารเคมีชนิดน้ำมัน
4. ในการปรับเปลี่ยนทางเคมีของไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ วัสดุต้องทำให้แห้งจนถึงความชื้นที่เหมาะสมเพื่อให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้
5. ไม้แห้งสามารถทำงาน ตัด ปิดผิว และยึดติดกับกาวได้ดีกว่าไม้สด สีและการเคลือบจะทนทานนานขึ้นบนไม้แห้ง
6. คุณสมบัติการเป็นฉนวนไฟฟ้าและ thermal insulation ไม้จะดีขึ้นเมื่อทำให้แห้ง

จุดอิ่มตัวของเส้นใย

จุดอิ่มตัวของเส้นใย (Fibre Saturation Point) เป็นคำที่ใช้ในกลไกไม้และโดยเฉพาะในการทำให้ไม้แห้ง เพื่อระบุจุดในกระบวนการแห้งที่เหลือเพียงน้ำที่ผูกอยู่ในผนังเซลล์ – น้ำอื่นๆที่เหลือทั้งหมดซึ่งเรียกว่า “free water” ได้ถูกนำออกจากโพรงเซลล์แล้ว การทำให้ไม้แห้งเพิ่มต่อไปอีกจะส่งผลให้เส้นใยไม้แข็งแรงขึ้น และมักจะมาพร้อมกับการหดตัว ไม้มักจะถูกทำให้แห้งจนถึงจุดที่มันอยู่ในสภาวะสมดุลกับความชื้นในอากาศหรือความชื้นสัมพัทธ์ และเนื่องจากความชื้นสัมพัทธ์นี้มีการเปลี่ยนแปลง สภาวะสมดุลของความชื้นในไม้ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

ความชื้นสมดุล

ไม้เป็นสารที่ดูดความชื้นได้ (Hygroscopic) ซึ่งมีความสามารถในการดูดซึมหรือปล่อยความชื้นในรูปของไอระเหย น้ำที่มีอยู่ในไม้จะมีแรงดันไอระเหยของตนเอง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาดสูงสุดของท่อขนาดเล็ก (capillaries) ที่เต็มไปด้วยน้ำในขณะนั้น หากแรงดันไอระเหยในอากาศรอบๆ ต่ำกว่าแรงดันไอระเหยภายในไม้ จะเกิดกระบวนการปล่อยความชื้น (desorption) โดยท่อขนาดใหญ่ที่สุดที่เต็มไปด้วยน้ำจะปล่อยน้ำออกก่อน เมื่อไม้สูญเสียความชื้น น้ำจะถูกเก็บไว้ในท่อขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนในที่สุดจะมีช่วงหนึ่งที่แรงดันไอระเหยภายในไม้เท่ากับแรงดันไอระเหยในอากาศรอบๆ และกระบวนการปล่อยความชื้นจะหยุดลง จำนวนความชื้นที่เหลืออยู่ในไม้ในช่วงนี้จะอยู่ในสภาวะสมดุลกับแรงดันไอระเหยของน้ำในอากาศรอบๆ และเรียกว่า ความชื้นสมดุล (Equilibrium Moisture Content หรือ EMC) เนื่องจากคุณสมบัติในการดูดความชื้น ไม้มักจะมีความชื้นที่อยู่ในสภาวะสมดุลกับความชื้นสัมพัทธ์และอุณหภูมิของอากาศรอบๆ EMC ของไม้จะแปรผันตามความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ และมีผลกระทบจากอุณหภูมิในระดับที่น้อยกว่า EMC ยังแปรผันเล็กน้อยตามชนิดของไม้ ความเครียดทางกลไก ประวัติการแห้งของไม้ ความหนาแน่น ปริมาณสารประกอบ extractives และทิศทางของการดูดซึม/ปล่อยความชื้น (เช่น การดูดซึมหรือการปล่อยความชื้น)

ความชื้นของไม้ในการใช้งาน

ไม้ยังคงคุณสมบัติในการดูดความชื้นหลังจากที่ถูกนำไปใช้งานแล้ว ซึ่งจะต้องเผชิญกับความชื้นที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดค่า ความชื้นสมดุล (EMC) ของไม้ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจมีลักษณะเป็นวงจร เช่น การเปลี่ยนแปลงรายวัน หรือการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลประจำปี เพื่อให้ลดการเปลี่ยนแปลงของความชื้นในไม้ หรือการเคลื่อนที่ของวัตถุไม้ในระหว่างการใช้งาน ไม้จะถูกทำให้แห้งจนถึงความชื้นที่ใกล้เคียงกับค่า EMC เฉลี่ยที่มันจะถูกสัมผัสในสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน สภาพแวดล้อมนี้จะแตกต่างกันระหว่างการใช้งานในภายในอาคารและภายนอกอาคารในแต่ละพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ โดยทั่วไป EMC ที่แนะนำสำหรับรัฐส่วนใหญ่ในออสเตรเลียจะอยู่ที่ 10-12% แม้ว่าจะมีบางพื้นที่ที่ค่าของ EMC อาจสูงถึง 15-18% เช่น ในควีนส์แลนด์, นอร์เทิร์นเทอริทอรี, เวสเทิร์นออสเตรเลีย และแทสเมเนีย อย่างไรก็ตาม EMC อาจต่ำถึง 6-7% ในบ้านหรือสำนักงานที่มีการทำความร้อนกลางหรือในอาคารที่มีระบบปรับอากาศถาวร สาเหตุหลักของการทำให้ไม้แห้งจนมีความชื้นที่เทียบเท่ากับ EMC เฉลี่ยในสภาพแวดล้อมการใช้งาน คือการลดการเปลี่ยนแปลงขนาด (หรือการเคลื่อนที่) ของผลิตภัณฑ์ไม้ที่เสร็จสมบูรณ์ ไม้แห้งที่เคลือบด้วย CUTEK® Extreme CD50 จะมีความเสี่ยงน้อยในการเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาด เนื่องจากคุณสมบัติการซึมลึกและกันน้ำ (hydrophobic) ของ CUTEK® Extreme CD50 ซึ่งช่วยลดการดูดซึมและการปล่อยความชื้นในรูปของเหลวและก๊าซ

ขั้นตอนที่ 1 > เตรียมพื้นผิว

สิ่งสำคัญในการตัดสินใจก่อนใช้ CUTEK® Quickclean นำ้ยาทำความสะอาดทั่วไป ให้เทสในพื้นที่เล็กๆก่อนทุกครั้งก่อนทำงานจริงในพื้นที่ขนาดใหญ่ การทดสอบในพื้นที่ขนาดเล็กจะช่วยปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์ เวลาให้แม่นยำยิ่งขึ้น และสถานที่เอื้ออำนวยต่อการใช้งานยากง่ายอย่างเหมาะสมสำหรับหน้างานที่แตกต่างกันออกไป

ความปลอดภัยและข้อควรระวัง:

ก่อนเริ่มต้นเตรียมพื้นผิวและปกป้องไม้ ให้อ่านข้อมูลอันตรายและข้อควรระวังที่ฉลากเพื่อเตรียมอุปกรณ์เซฟตี้ให้พร้อม CUTEK® Quickclean เป็นสารเคมีอันตราย สิ่งสำคัญคือให้อ่านข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยใน Safety Data Sheet (SDS) ก่อนการเริ่มโปรเจค

ระหว่างการใช้ CUTEK® Quickclean พื้นผิวโดยรอบรวมถึงพืชผักควรได้รับการป้องกันอย่างเพียงพอ และสิ่งสำคัญคือให้ระวังทิศทางลมที่มีโอกาสพัดน้ำยาที่ล้างออกไปบริเวณที่จอดรถ ท่อน้ำทิ้ง พืชผัก ทางเดินเท้าคอนกรีตและยางมะตอย อุปกรณ์และพื้นผิวทั้งหมดควรทำความสะอาดให้เรียบร้อยทั้งก่อนและหลังใช้ผลิตภัณฑ์

วิธีการใช้งาน:

ข้อสำคัญ: CUTEK® Quickclean เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดภายนอกประสิทธิภาพสูง ผลิตภัณฑ์ควรเจือจาง (ขนาด 2 และ 20 ลิตรที่จำหน่ายได้เจือจางไว้เหมาะสมกับพื้นผิวหลากหลายประเภทแล้ว) ปริมาณการใช้งานขึ้นอยู่กับประเภทพื้นผิว และคราบสกปรกที่สะสมอยู่บนพื้นผิว ให้เทสในพื้นที่ขนาดเล็กก่อนนำไปใช้งานจริงกับพื้นที่ขนาดใหญ่ทุกครั้ง

เริ่มต้น:

ให้ชุ่มน้ำพื้นผิวที่ต้องการทำความสะอาดก่อนเริ่มขัด CUTEK® Quickclean ด้วยแปรงขัดขนนิ่ม ระหว่างขัดให้พื้นผิวชุ่มน้ำตลอดแล้วปล่อยให้น้ำยาซึมเข้าพื้นผิวประมาณ 5-10 นาทีขึ้นอยู่กับความสกปรก/คราบความมัน/จารบีที่ติดอยู่ที่พื้นผิว หากมีคราบสกปรกฝังแน่นอาจต้องเปลี่ยนขนแปรงให้แข็งขี้น

การล้างน้ำยาออก:

หลังจากที่ CUTEK® Quickclean ได้ขจัดคราบสกปรกเรียบร้อยแล้วให้ล้างออกให้เกลี้ยงด้วยน้ำสะอาด ให้ใช้เครื่องแรงดันน้ำความแรง 50 บาร์ (750 p.s.i) ปรับเป็นหัวสเปรย์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการล้างน้ำยาออก

ระวัง: ให้ปรับเป็นหัวสเปรย์และฉีดไกลจากพื้นผิวไม้เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ไม้ชำรุด การจ่อหัวสเปรย์ใกล้เกินไปไม้จะมีขนไม้ฟูขึ้นมา ให้ปรับความแรงลงและฉีดให้ไกลจากพื้นผิวมากกว่าเดิม

ให้ฉีดล้างทำความสะอาดจากที่สูงลงที่ต่ำ ลากเป็นจังหวะยาวตามลายไม้ ห้ามปรับเป็นหัวพุ่งเทอร์โบ

ในกรณีไม่มีเครื่องแรงดันน้ำ ให้ใช้แรงดันจากน้ำก๊อกฉีดไปที่พื้นผิวแล้วใช้แปรงขนนิ่มเปล่าๆขัดไปพร้อมกัน

การทำความสะอาด:

อุปกรณ์ทั้งหมดสามารถล้างด้วยน้ำสะอาด น้ำที่ล้างน้ำยาทิ้งให้ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น

ขั้นตอนที่ 1 > เตรียมพื้นผิว

สิ่งสำคัญในการตัดสินใจก่อนใช้ CUTEK® Restore นำ้ยาฟื้นฟูไม้เก่าให้กลับมาใหม่ ให้เทสในพื้นที่เล็กๆก่อนทุกครั้งก่อนทำงานจริงในพื้นที่ขนาดใหญ่ การทดสอบในพื้นที่ขนาดเล็กจะช่วยปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์ เวลาให้แม่นยำยิ่งขึ้น และสถานที่เอื้ออำนวยต่อการใช้งานยากง่ายอย่างเหมาะสมสำหรับหน้างานที่แตกต่างกันออกไป

ความปลอดภัยและข้อควรระวัง:

ก่อนเริ่มต้นเตรียมพื้นผิวและปกป้องไม้ ให้อ่านข้อมูลอันตรายและข้อควรระวังที่ฉลากเพื่อเตรียมอุปกรณ์เซฟตี้ให้พร้อม CUTEK® Quickclean เป็นสารเคมีอันตราย สิ่งสำคัญคือให้อ่านข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยใน Safety Data Sheet (SDS) ก่อนการเริ่มโปรเจค

ระหว่างการใช้ CUTEK® Restore พื้นผิวโดยรอบรวมถึงพืชผักควรได้รับการป้องกันอย่างเพียงพอ และสิ่งสำคัญคือให้ระวังทิศทางลมที่มีโอกาสพัดน้ำยาที่ล้างออกไปบริเวณที่จอดรถ ท่อน้ำทิ้ง พืชผัก ทางเดินเท้าคอนกรีตและยางมะตอย อุปกรณ์และพื้นผิวทั้งหมดควรทำความสะอาดให้เรียบร้อยทั้งก่อนและหลังใช้ผลิตภัณฑ์

วิธีการใช้งาน:

ข้อสำคัญ: CUTEK® Restore เป็นผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูไม้เก่าให้กลับมาใหม่ประสิทธิภาพสูงสำหรับภายนอก ผลิตภัณฑ์ควรเจือจาง (ขนาด 2 และ 20 ลิตรที่จำหน่ายได้เจือจางไว้เหมาะสมกับไม้หลากหลายสายพันธ์ุที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยแล้ว) ปริมาณการใช้งานขึ้นอยู่กับความซีดเทา ความเก่า เชื้อรา คราบน้ำที่สะสมอยู่บนผิวและในเนื้อไม้ ให้เทสในพื้นที่ขนาดเล็กก่อนนำไปใช้งานจริงกับพื้นที่ขนาดใหญ่ทุกครั้ง

เริ่มต้น:

ให้ชุ่มน้ำพื้นผิวที่ต้องการทำความสะอาดก่อนเริ่มขัด CUTEK® Restore ด้วยแปรงขัดขนนิ่ม ระหว่างขัดให้พื้นผิวชุ่มน้ำตลอดแล้วปล่อยให้น้ำยาซึมเข้าพื้นผิวประมาณ 15-20 นาทีขึ้นอยู่กับความซีดเทา/ครามเก่า/เชื้อราพื้นผิว และคราบน้ำ หากมีคราบสกปรกฝังแน่นอาจต้องเปลี่ยนขนแปรงให้แข็งขี้น

Removal:

หลังจากที่ CUTEK® Restore ได้ขจัดคราบซีดเทา คราบเก่า เชื้อราพื้นผิวและคราบน้ำเรียบร้อยแล้วให้ล้างออกให้เกลี้ยงด้วยน้ำสะอาด ให้ใช้เครื่องแรงดันน้ำความแรง 50 บาร์ (750 p.s.i) ปรับเป็นหัวสเปรย์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการล้างน้ำยาออก หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้น สามารถทำซ้ำได้อีก 1 ครั้ง ครั้งที่สองให้ทิ้งน้ำยาซึมเข้าเนื้อไม้ 24 ชั่วโมง

ระวัง: ให้ปรับเป็นหัวสเปรย์และฉีดไกลจากพื้นผิวไม้เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ไม้ชำรุด การจ่อหัวสเปรย์ใกล้เกินไปไม้จะมีขนไม้ฟูขึ้นมา ให้ปรับความแรงลงและฉีดให้ไกลจากพื้นผิวมากกว่าเดิม

ยิ่งทิ้งน้ำยาไว้ที่พื้นผิวนานเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้เวลานานขึ้นในการล้างออก ให้ฉีดล้างทำความสะอาดจากที่สูงลงที่ต่ำ ลากเป็นจังหวะยาวตามลายไม้ ห้ามปรับเป็นหัวพุ่งเทอร์โบ

ในกรณีไม่มีเครื่องแรงดันน้ำ ให้ใช้แรงดันจากน้ำก๊อกฉีดไปที่พื้นผิวแล้วใช้แปรงขนนิ่มเปล่าๆขัดไปพร้อมกัน

หมายเหตุ: ไม้เนื้ออ่อนบางประเภทอาจมีขนไม้ฟูขึ้นหลังจากการใช้เครื่องแรงดันน้ำ ให้รอไม้แห้งสนิทแล้วลูบขนไม้ออกด้วยกระดาษทรายเบอร์ละเอียดเบาๆ

ห้ามใช้หัวพุ่งเทอร์โบในการล้างไม้